วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2555

สอนลูกเรื่องคนแปลกหน้า


ภาพจาก http://www.bondotmom.com/
สอนลูกเรื่องคนแปลก
โดย ธิดา พิทักษ์สินสุข             
           เด็กๆพบกับคนแปลกหน้าอยู่ทุกวันนะคะ ไม่ว่าจะในละแวกบ้าน ร้านค้า ซุปเปอร์มาเกต สนามเด็กเล่น สวนสาธารณะ หรือแม้กระทั่งที่โรงเรียน คนแปลกหน้าที่พบส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนดี คนธรรมดาสามัญ แต่ก็จะมีส่วนน้อยที่ไม่ใช่คนดีปะปนอยู่ในหมู่ของคนดีอยู่เสมอ คุณพ่อคุณแม่สามารถป้องกันเด็กๆจากภัยจากคนแปลกหน้าได้ โดยสอนเด็กๆเรื่อง คนแปลกหน้า การสังเกตพฤติกรรมที่น่าสงสัย และการระมัดระวังตนเอง ทั้งนี้ รวมถึงการให้ข้อมูลเพื่อให้เด็กสามารถแยกแยะในเบื้องต้นได้ระหว่างคนแปลกหน้าที่เด็กควรจะระมัดระวัง และคนแปลกหน้าที่เด็กสามารถจะเชื่อถือได้ ที่สำคัญการสอนเด็กๆเรื่องคนแปลกหน้านี้คุณพ่อคุณแม่จะต้องรู้จักเลือกวิธีพูดคุยให้พอเหมาะพอดีกับวัยของเด็ก ด้วยท่าทีที่สงบแต่หนักแน่น เพื่อให้เด็กรับรู้ว่ามันเป็นเรื่องสำคัญที่เด็กจะต้องเรียนรู้ แต่เราต้องระวังไม่ทำให้เด็กกลัวคนแปลกหน้าจนสูญเสียความมั่นใจในตัวเองนะคะ                                                     

คนแปลกหน้า...แบบไหน

ภาพจาก http://www.momlogic.com/

           “คนแปลกหน้า” คือคนที่เราและครอบครัวของเราไม่รู้จัก ว่ากันตรงไปตรงมาอย่างนี้เลยนะคะ เด็กๆมักจะคิดว่า คนแปลกหน้าที่เป็นอันตราย หรือที่เรียกกันง่ายๆว่า “ผู้ร้าย” จะต้องมีหน้าตาน่าเกลียด น่ากลัว ขมึงทึงเหมือนในหนัง แต่ในชีวิตจริงมันไม่เป็นเช่นนั้น คนสวยหล่อดูดี แต่อันตรายก็มีมาก ความสวย ความหล่อ ความสุภาพ การดูใจดี ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้เขาเหล่านั้นเป็นคนดี เราต้องอธิบายให้เด็กๆเข้าใจว่าอันตรายจากคนแปลกหน้านั้นบอกไม่ได้จากภาพที่เรามองเห็น จากภาพภายนอกที่เขาสร้างขึ้น ดังนั้นเด็กๆจะต้องรู้จักระมัดระวังตัวเมื่ออยู่ใกล้ๆคนแปลกหน้า
            แต่คุณพ่อคุณแม่ต้องระวังด้วยนะคะอย่าวิตกมากมายจนทำให้เด็กๆเข้าใจไปว่าคนแปลกหน้าเป็นอันตรายไปเสียทั้งหมด เพราะในบางครั้ง บางสถานการณ์ที่เด็กๆต้องการความช่วยเหลืออย่างปัจจุบันทันด่วน เช่น การพลัดหลงจากพ่อแม่ การถูกทำร้าย การที่รู้สึกว่าถูกติดตาม สิ่งที่ควรทำที่สุดในขณะนั้น คือการขอความช่วยเหลือจากคนแปลกหน้าที่ไว้ใจได้อย่างเร็วที่สุด เราจะสอนเด็กให้รู้ว่าคนแปลกหน้าคนไหนไว้ใจได้ก็ด้วยการบอกกล่าวกันบ่อยๆ  ชี้ให้ดูเมื่อพบเห็น ให้หลักการง่ายๆกับเด็กๆ เช่นให้มองหาคนแปลกหน้าที่มีเครื่องแบบ เช่น ตำรวจ รปภ. พนักงานตามร้านค้า ร้านอาหาร และอย่าลืมสอนเด็กด้วยนะคะว่าสถานที่ใดที่เขาควรจะไปขอความช่วยเหลือในยามฉุกเฉิน  ชี้ให้เด็กๆดูตอนไปไหนมาไหนด้วยกันนะคะว่านี่คือสถานีตำรวจ นี่คือป้อมยาม นี่คือร้านขายของที่เราคุ้นเคย นี่คือบ้านของเพื่อน ฯลฯ เหล่านี้คือสถานที่ที่เด็กๆสามารถไปขอความช่วยเหลือจากคนแปลกหน้าที่ไว้ใจได้ในยามจำเป็นค่ะ

การรู้เท่าทันและการรับมือ
         สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราจะช่วยกันป้องกันเด็กๆจากอันตรายจากคนแปลกหน้า ก็คือการสอนให้เด็กรู้จักระมัดระวังกับสถานการณ์ที่มีแนวโน้มว่าจะก่อให้เกิดอันตรายได้ง่าย เช่น การเดินหรืออยู่คนเดียวในบริเวณที่ไม่ค่อยจะมีผู้คน การเดินในที่ๆมีผู้คนมากๆเบียดเสียดกัน สอนให้รูจักระมัดระวังเมื่ออยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้า หรือแม้กระทั่งคนที่รู้จักแต่ดูจะมีเจตนาที่ ไม่ค่อยดี ไม่ค่อยน่าไว้วางใจ โดยการสังเกตสัญญาณบางอย่าง เช่น การที่ผู้ใหญ่ที่เราไม่รู้จักหรือไม่คุ้นเคยมาขอความช่วยเหลือ เช่นให้ช่วยหาสุนัขที่หายไป ให้ช่วยถือของไปส่งที่รถ หรือบางครั้งก็อาจจะเจอกับคนแปลกหน้าที่เอาอะไรมาให้ เสนอที่จะให้ทำอะไรบางอย่างที่เด็กชอบ เด็กสนใจ แล้วสั่งว่าอย่าบอกให้พ่อแม่รู้ เหล่านี้คือสัญญาณที่พอจะบอกได้ว่าคนแปลกหน้าหรือคนไม่คุ้นเคยเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะเป็นคนอันตราย เด็กๆควรรีบหลีกเลี่ยงหรือห่างออกมาให้เร็วที่สุด  และที่สำคัญต้องมาเล่าหรือบอกกล่าวให้ผู้ใหญ่ได้รับรู้เมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น

ภาพจาก http://www.connecthome.com/

            เราต้องสอนให้เด็กรู้ว่าเขาจะมีวิธีรับมือกับสถานการณ์ที่อันตราย หรือมีแนวโน้มที่จะอันตรายจากคนแปลกหน้าอย่างไร มีคาถาที่จำง่ายๆและมีประโยชน์มากไว้ให้เด็กถือปฏิบัติก็คือ “ ไม่ โกย โวย เล่า”
ไม่       สอนให้เด็กรู้จักปฏิเสธข้อเสนอต่างๆจากคนแปลกหน้า ไม่ว่าจะเป็นการให้ การขอความช่วยเหลือ หรือการชักชวนไปไหนๆ บอกให้เด็กเข้าใจว่าการที่เราปฏิเสธ “ไม่” กับคนแปลกหน้าไม่ใช่สิ่งที่ไม่สุภาพ หรือ ความไม่มีน้ำใจ
โกย     หากสถานการณ์ดูไม่ดี รู้สึกว่าอันตราย รู้สึกอึดอัดกับบรรยากาศที่อาจจะถูกกดดัน บีบคั้น ก็ให้รีบหนีออกมาเสีย ให้เชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง และไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นการเสียมารยาท
โวย      หากสิ่งที่เกิดขึ้นรวดเร็วและรู้สึกว่าอันตรายมาก เช่นคนแปลกหน้าเข้าถึงตัว เข้ามาจับหรือพยายามมาสัมผัสบริเวณที่เป็นส่วนตัว นอกจากจะหนีออกมาแล้ว ก็ให้ส่งเสียงขอความช่วยเหลือ หรือโวยวายให้ดังที่สุด
เล่า เมื่อมีเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น ต้องเล่าให้ผู้ใหญ่รับรู้ให้เร็วที่สุด
            เราต้องให้ความมั่นใจเด็กๆว่า ความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ดังนั้นพวกเขาไม่ต้องกังวลใจหากมีกรณีที่ประเมินเหตุการณ์หรือคนแปลกหน้าผิดพลาดไป การระวังตัวไว้ก่อนย่อมจะดีที่สุด เด็กๆควรจะมีมารยาทที่ดี มีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แต่ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ก็ควรจะแสดงออกให้ถูกกับกาละ เทศะ อย่ากังวลกับสิ่งเหล่านี้จนลืมเรื่องความปลอดภัย เราอาจจะสมมุติสถานการณ์และบอกถึงทางออกให้เด็กรับรู้เป็นตัวอย่าง เพื่อที่พวกเขาจะมีความมั่นใจมากขึ้นเมื่อต้องประเมินสถานการณ์จริง สถานการณ์ที่ไม่น่าไว้ใจและควรรีบเลี่ยงออกมาหรือบอกให้ผู้ใหญ่รู้ในทันที เช่น
-            คนแปลกหน้าที่แต่งกายดูดีเดินเข้ามาหาเด็กตอนเล่นอยู่ในสวนสาธารณะ และขอให้ช่วยตามหาหมาที่ผลัดหลงไป
-            คนข้างบ้านที่ไม่เคยพูดจากันเลยมาชวนให้เข้าไปกินขนมในบ้าน
-            คนแปลกหน้าเสนอตัวที่จะขับรถไปส่งที่บ้าน
-            เด็กรู้สึกว่ามีคนคอยติดตามอยู่
-            คนที่รู้จักมาพูดจาสองแง่สองง่ามหรือมาทำอะไรที่ทำให้เด็กรู้สึกอึดอัด ไม่สบายใจ หรือรู้สึกไม่ปลอดภัย
-            ขณะที่เดินอยู่ในละแวกบ้านมีคนแปลกหน้าเข้ามาถามเส้นทาง
เหตุการณ์เหล่านี้มักจะเป็นสัญญาณที่บอกได้ว่าคนแปลกหน้าเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะเป็นอันตราย และเด็กๆควรหลีกเลี่ยงเสีย

ร่วมด้วยช่วยกัน
            นอกจากการสอนให้เด็กๆรู้เท่าทันกับอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นรวมถึงการรับมือแล้ว คุณพ่อคุณแม่เองก็ยังจำเป็นที่จะต้องคอยดูแลและระมัดระวังด้วย ควรตั้งเป็นกฎของครอบครัวเลยว่าเด็กๆต้องให้ผู้ใหญ่รับรู้ตลอดเวลาว่าจะทำอะไร อยู่ที่ไหน จะกลับถึงบ้านเมื่อไหร่ สอนเรื่องของความปลอดภัยเมื่อต้องอยู่บ้านตามลำพัง เช่นต้องล็อคประตูไว้ตลอดเวลา ไม่เปิดรับคนแปลกหน้า ไม่ให้ข้อมูลส่วนตัวกับคนแปลกหน้า และอาจจะตั้งรหัสลับของครอบครัว เช่นเราจะพูดคำว่า “น้ำแดง” เมื่อมีเหตุฉุกเฉินหรืออยู่ในถาวะคับขันและต้องการความช่วยเหลือ ที่สำคัญต้องทำให้เด็กๆมั่นใจว่าพ่อกับแม่รักหนูมากที่สุดและพร้อมที่จะดูแล ให้ความช่วยเหลือในทุกสถานการณ์  และถึงแม้อันตรายจะมีอยู่รอบตัว โลกก็ยังมีความงดงามที่น่าเรียนรู้ น่าค้นหาอีกมากมาย เพียงแต่เราต้องไม่ลืมว่า...

“BETTER SAFE THAN SORRY”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น