วันศุกร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2555

สร้างทักษะแห่งความสำเร็จในชีวิตให้ลูก



ภาพจาก http://www.writersevolution.blogspot.com/

สร้างทักษะแห่งความสำเร็จในชีวิตให้ลูก

ธิดา พิทักษ์สินสุข

                รู้หรือไม่คะว่าอะไรคือสิ่งที่จะทำนายเรื่องอนาคตและความสำเร็จของลูกน้อยได้ดีที่สุด  ครั้งนี้มีของดีมาแนะนำเป็นของขวัญวันขึ้นปีใหม่ของชาวจีน แต่ไม่ใช่แม่มด แม่หมอ ที่ไหนหรอกนะคะ เชื่อหรือไม่คะว่า  ทักษะในเรื่องสังคมและอารมณ์นี่แหละค่ะที่จะเป็นตัวทำนายอนาคตและความสำเร็จรอบด้านของลูกน้อยได้ดีที่สุด  และข่าวดียิ่งกว่านั้นก็คือ ทักษะนี้สอนได้ เรียนรู้ได้ และฝึกฝนได้ ถ้าลูกมีทักษะทางสังคมและอารมณ์ที่ดี รับรองว่าชีวิตในวันข้างหน้าจะประสบความสำเร็จทั้งทางด้านการเรียน การงาน และชีวิต เป็นคนที่มีความสุขแน่ๆ ค่ะ ขอรับรอง!!!

IQ vs EQ...สติปํญญากับอารมณ์
ภาพจาก www.variety.teenee.com

 คุณพ่อคุณแม่ในยุคปัจจุบันมักจะคุ้นเคยกับคำว่า ความฉลาดทางด้านสติปัญญา (Intelligence Quotient: IQ) และคำว่าความฉลาดทางอารมณ์ (Emotional Intelligence: EQ) กันดีอยู่แล้วนะคะ  และกระแสในปัจจุบันก็จะบอกว่าเราต้องให้ความสำคัญกับ EQ เพราะมันคือปัจจัยแห่งความสำเร็จ  คนที่มี EQ ดี มักจะประสบความสำเร็จมากกว่าคนที่มี IQ ดีอย่างเดียว  เราจึงเห็นคุณพ่อคุณแม่จำนวนไม่น้อยที่ประคบประหงมเลี้ยงดูลูกน้อย ตามใจกันเป็นที่สุดเพื่อไม่ให้ลูกน้อยอารมณ์เสีย เดี๋ยวจะทำให้ EQ ไม่ดี แถมยังต้องพาลูกไปทำกิจกรรมตามศูนย์ต่างๆ เพื่อส่งเสริมและพัฒนา  ทางด้านสังคมและอารมณ์ให้ลูกตั้งแต่อายุยังไม่ครบขวบ นี่เป็นเพียงภาพหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงความรู้ความเข้าใจที่พ่อแม่ยุคนี้มีมากขึ้น  แต่ยังไม่ครบถ้วน  และที่สำคัญชอบใช้ตัวช่วยมากกว่าที่จะทำเอง บ่อยครั้งเราจึงมักจะได้ยินถึงปัญหาของลูกเมื่อเข้าสู่วัยเรียน เช่นเพื่อนไม่ให้เข้ากลุ่ม เล่นกับเพื่อนไม่เป็น ไม่รู้จักแบ่งปัน หรือชอบบงการจนเพื่อนไม่ยอมเล่นด้วย หรือบางคนก็ยอมเพื่อนจนไม่เป็นตัวของตัวเอง 
ปัญหาสารพัดรูปแบบที่อาจจะดูเหมือนว่าก็เป็นปัญหาเล็กๆ ประสาเด็กๆ แต่สิ่งเหล่านี้คือตัวบ่งชี้ถึงชีวิตในอนาคตของลูก หากไม่ได้รับการแก้ไขโตขึ้นเด็กพวกนี้น่าจะดำเนินชีวิตให้มีความสุขได้ยากนะคะ
          ปัจจัยหลักที่สำคัญที่สุดของการพัฒนาในเรื่องสังคมและอารมณ์คือ การพัฒนาทักษะทางสังคม (Social Skill) หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นทักษะเรื่องคน (People Skill) ทักษะนี้เป็นเรื่องใหญ่และเป็นเรื่องหลัก ที่มีผลต่อทั้งIQ และEQ เราสามารถที่จะสอนและปลูกฝังทักษะเหล่านี้ให้ลูกได้ตั้งแต่ยังเล็กและที่สำคัญคุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้เองในวิถีชีวิตประจำวันค่ะ บทความนี้อาจจะใช้ภาษาอังกฤษสอดแทรกค่อนข้างมากเพื่อที่จะสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง และต้องการให้เป็นประโยชน์กับคุณพ่อคุณแม่มากที่สุด

ทักษะทางสังคมและอารมณ์
                       

การที่จะพัฒนาทักษะทางด้านสังคมและอารมณ์ให้ลูกได้นั้นสิ่งสำคัญเรื่องแรก
คือการที่ต้องทำให้เด็กรู้สึกปลอดภัย ความรู้สึกปลอดภัยสำหรับเด็กเล็กๆ คือการดูแลที่ใกล้ชิด ในสิ่งแวดล้อมที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและสบาย เมื่อเด็กๆ เริ่มโตขึ้นรับรู้ได้มากขึ้น ความรู้สึกปลอดภัยก็จะขยายวงกว้างขึ้น  ทางด้านร่างกายก็เป็นเรื่องของการปลอดจากการบาดเจ็บหรือถูกทำร้าย  ทางด้านจิตใจก็เป็นเรื่องของการปลอดภัยจากคำพูดที่ทำร้ายจิตใจ การล้อเลียนที่ทำให้เขารู้สึกเสียใจหรือทำให้ขาดความมั่นใจ และที่สำคัญคือความมั่นคงในจิตใจ  ความมั่นใจว่าเขาจะพึ่งพาตัวเองได้โดยมีพ่อแม่อยู่เคียงข้างและพร้อมจะดูแลและช่วยเหลือพวกเขาเมื่อต้องจัดการกับสิ่งที่เกินกว่าความสามารถของเขา  เมื่อเขารู้สึกมั่นคงและปลอดภัย เด็กๆ ก็พร้อมที่จะพัฒนาในเรื่องสังคมและอารมณ์ได้อย่างเป็นธรรมชาติในวิถีของชีวิตประจำวันที่มีผู้ใหญ่เป็นแบบอย่างที่ดี
            ปัจจัยหลักๆที่สำคัญมากในเรื่องของการพัฒนา          ทักษะทางสังคมและอารมณ์มีอยู่ 5 ปัจจัย

ภาพจาก http://www.ehow.co.uk/


การตระหนักรู้และเข้าใจในเรื่องความรู้สึกของตนเองและผู้อื่น เข้าใจว่า การกระทำเป็นผลที่เกี่ยวเนื่องมาจาก ความคิด และ ความรู้สึก คนเรามักจะแสดงออกมาในรูปแบบต่างๆ ตามที่ตัวเองคิดหรือรู้สึก
การควบคุมและการจัดการกับอารมณ์ สามารถที่จะควบคุม อดทน และจัดการกับความโกรธ แรงกระตุ้น และความไม่สบายใจหรือไม่สบอารมณ์ต่างๆได้
การสร้างแรงจูงใจให้ตนเอง สามารถที่จะตั้งเป้าหมายและมีความมุ่งมั่นที่จะทำให้เป้าหมายนั้นประสบความสำเร็จ ด้วยการมองโลกในแง่ดี และมีความหวังอยู่เสมอ
ความสามารถในการเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น เรียนรู้ที่จะเข้าใจสถานการณ์ และความรู้สึกของตนเองและผู้อื่น  เอาใจเขามาใส่ใจเรา และรู้จักที่จะแสดงความใส่ใจและห่วงใยต่อผู้อื่นอย่างจริงใจ
ความสามารถในการจัดการกับความสัมพันธ์ รู้จักผูกมิตรและรักษามิตรภาพระหว่างกันไว้ สามารถจัดการกับความขัดแย้งด้วยสันติ และรู้จักการทำงานและให้ความร่วมมือกับผู้อื่น เป็นการเรียนรู้ที่จะเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับและการอยู่ร่วมกันในสังคม
หากเราสามารถช่วยให้เด็กๆ ได้พัฒนาปัจจัยทั้ง 5 ข้อนี้ได้ พวกเขาจะเป็นคนที่เข้าใจตนเอง เข้าใจผู้อื่น  เก่งในเรื่องการติดต่อสื่อสารหรือต่อรอง มีทักษะในการแก้ปัญหาหรือข้อขัดแย้งต่างๆได้อย่างสร้างสรรค์ เป็นผู้นำที่ดี และที่สำคัญคือเป็นคนคุณภาพที่มีความมุ่งมั่น และความรับผิดชอบ

ใจดีดี ทำดีดี

            การพัฒนาในเรื่องสังคมและอารมณ์ เป็นการปลูกฝังนิสัยดีๆ พร้อมๆ กับการให้เครื่องมือที่จะช่วยให้เด็กๆสามารถการดำเนินชีวิตไปได้อย่างราบรื่น รู้วิธีที่จะก้าวผ่านปัญหาอุปสรรคได้อย่างเหมาะสมและอย่างสร้างสรรค์
ในชีวิตประจำวันการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่น เด็กๆจะต้องเรียนรู้ที่จะหา
จุดสมดุลที่จะตอบสนองระหว่างความต้องการหรือความสนใจของ
ตนเองกับความต้องการและความสนใจของผู้อื่น
ตัวอย่างเช่น เพื่อนมาชวนให้ไปวิ่งเล่นที่สนามแต่ตนเองกำลังสนุกกับการวาดรูป เขาจะทำอย่างไร ไม่สนใจเพื่อน ไล่เพื่อนให้ไปห่างๆ หรือยอมทิ้งความสนใจของตนเองและทำตามที่เพื่อนต้องการทุกอย่าง วิธีที่เขาเลือกใช้จะสร้างความเป็นตัวตนของเขา ไม่ว่าจะเป็นคนที่ไม่ใส่ใจผู้อื่น เป็นคนก้าวร้าว หรือเป็นคนที่สามารถประนีประนอมได้ตามสถานการณ์ที่เหมาะสม ผู้ใหญ่เป็นผู้ที่สามารถชี้นำและปลูกฝังพฤติกรรมดีๆ ให้เด็กๆ ได้ โดยสอนให้เด็กเข้าใจว่าทุกๆเหตุการณ์เขามีทางเลือกเสมอ อยู่ที่ว่าเขาจะเลือกแนวทางไหนกับเหตุการณ์ใด เขามีทางเลือกหลักๆ 3 แนวทางคือ
            ความก้าวร้าว คือการทำร้ายผู้อื่นไม่ว่าจะด้วยการใช้คำพูดหรือการใช้กำลัง เพื่อที่จะให้เพื่อนทำตามความต้องการของเขา
            การยอมจำนน คือการยอมทำตามที่เพื่อนต้องการไปเสียทุกเรื่อง แม้ว่าสิ่งนั้นจะไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองสนใจหรือสิ่งที่ตัวเองคิดว่าถูกต้องเหมาะสม
            การยืนยัน คือการมีความแน่วแน่ในแนวทางที่ตนสนใจ และเห็นว่าถูกว่าควร
บนพื้นฐานของการมีจิตใจที่ปรารถนาดี และมีความเคารพในตัวตนของผู้อื่น

            การเรียนรู้ที่ดีที่สุดคือการเรียนรู้จากชีวิตจริง ให้โอกาสเด็กๆได้ลองผิด ลองถูก โดยที่เราเฝ้าดูอยู่ในสายตา ให้คำแนะนำหรือความช่วยเหลือในจังหวะที่เหมาะสม ค่อยๆให้เขาได้เรียนรู้ไปในทุกวันของชีวิตตามแนวทางเหล่านี้ เด็กๆก็จะมีใจดีดี และก็จะทำดีดี อนาคตของพวกเขาก็จะอยู่ดีมีสุขแน่นอน ขอรับรองค่ะ!!!



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น