วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เด็กกับทีวี

โดย ธิดา  พิทักษ์สินสุข
   สำหรับเด็กๆ วัยอนุบาลและวัยประถมดูเหมือนว่าคุณพ่อคุณแม่จะจัดหาทีวีไว้เป็นเครื่องสร้างความบันเทิงให้ลูกน้อย  ให้เป็นทั้งเพื่อนแก้เหงา แก้เบื่อ  ให้เป็นเพื่อนที่พาไปท่องโลกกว้าง  ให้เป็นพี่เลี้ยงยามไม่มีใครมาเล่น มาพูดคุยด้วย  สุดท้ายในหลายบ้านทีวีกลับกลายร่างเป็นเจ้าตัวปัญหาที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่แก้ไม่ตก


ลูกปักหลักหน้าจอทีวี มีผลอย่างไร
              ลองเปรียบเทียบดูระหว่างเด็กสองคน  บางวันน้องภูมิออกไปถีบจักรยาน  บางวันก็ออกไปเตะบอลอยู่ที่สนาม บางวันก็ไปช่วยคุณพ่อล้างรถ  แล้วค่อยมานั่งพักดูทีวีนิดหน่อย แล้วไปอาบน้ำ   ส่วนน้องเมย์เอาเวลาเดียวกันนั่งดูทีวีช่อง 3 จบเปลี่ยนไปดูช่อง 5 แล้วก็เปลี่ยนไปดูช่อง9 สลับไปสลับมาจนพลบค่ำ  จะเกิดอะไรกับเด็กสองคนนี้

ผลต่อสุขภาพ   คงได้คำตอบตรงกันว่าสุขภาพของเด็กสองคนข้างต้น  ใครจะดีกว่ากัน  ขณะที่วัยของลูกกำลังเจริญเติบโต ต้องการการออกกำลังกาย  พฤติกรรมของลูกกลายเป็นการนอนเอกเขนก ตาจับจ้องอยู่หน้าจอทีวี แถมบางบ้านยังมีขนมนมเนย  น้ำหวานพร้อมขนมกรุบกรอบ เอื้อให้ลูกปักหลักอยู่แต่หน้าจอทีวี  เรากำลังทำอะไรกับสุขภาพของลูก  หากเป็นเช่นนี้นานๆ ไม่รีบปรับวิถีชีวิตใหม่ โรคอ้วน  โรคอืดอาด และความอ่อนแอก็จะถามหา   ขณะเดียวกันความกระตือรือร้นที่อยากทำโน่นทำนี่ก็จะลดลง   คิดออกอย่างเดียวว่าจะเปิดทีวีดู  เพราะเป็นความสุขที่หาได้ง่ายเพียงแค่หยิบรีโมทเท่านั้น  

ผลต่อการคิดและแก้ปัญหา  แต่ละวันของน้องภูมิที่มีกิจกรรมที่หลากหลาย  คือประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ได้คิด  ได้ทดลอง  เกิดการค้นพบและฝึกฝนที่จะแก้ปัญหา รวมถึงได้สร้างสรรค์วิธีการเล่นใหม่ๆ  น้องภูมิเกิดการเรียนรู้มากมายจากการลงมือทำด้วยตนเอง  ขณะที่น้องเมย์ที่เอาแต่ดูทีวี  การเรียนรู้ที่เกิดขึ้นจะเทียบกันไม่ได้  ถ้าเป็นอย่างนี้จากวัน เป็นสัปดาห์ เป็นเดือน เป็นปี  ทีวีก็จะเป็นตัวสกัดกั้นพัฒนาการด้านสติปัญญาของลูกอย่างน่าเสียดายทั้งๆที่เป็นช่วงที่สมองของลูกจะกำลังเติบโตและพัฒนา

ผลต่อการเอาแต่ใจและทักษะทางสังคม  เมื่อลูกอยู่กับทีวีตามลำพัง  ลูกควบคุมทุกอย่างได้หมด  ไม่ชอบใจช่องที่ดูอยู่ก็เปลี่ยนไปดูอีกช่อง  เบื่อไม่อยากดูแล้วก็กดปุ่มเปลียนช่องไปอีก ทีวีก็ไม่เคยขัดใจ  ลูกก็เคยชินกับการทำตามใจตัวเอง  ลูกที่อยู่กับทีวีตามลำพังเสมอๆ  วันใดที่คุณพ่อคุณแม่มานั่งดูทีวีด้วย  คุณพ่อคุณแม่ก็จะรู้ว่าตัวเองนั้นได้เสียสิทธิที่จะได้เลือกช่องตามต้องการ  เพราะเมื่อเปลี่ยนช่องคราใดก็จะตามด้วยเสียงโวยวายของลูกที่ไม่ยอมถูกขัดใจ  การอยู่กับทีวีกับการอยู่กับผู้คนก็จะต่างกัน เพราะถ้าอยู่กับผู้คนเด็กๆ  ก็จะเรียนรู้ที่จะต้องปรับตัว  รู้จักการพูดจาต่อรอง  การประนีประนอม  การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและความต้องการระหว่างกัน นั่นคือ ลูกจะเกิดการพัฒนาทักษะทางสังคมซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น 

ผลต่อการเรียนในชั้นเรียน  เมื่อลูกอยู่หน้าจอทีวีภาพในจอทีวีมีการเคลื่อนที่ที่เร็วมาก  มีการตัดต่อภาพหลายภาพให้ปรากฏในแต่ละนาที  ลูกก็จะเคยชินกับความเร็ว  เหมือนกับที่เราคุ้นเคยกับการทำงานกับคอมพิวเตอร์หรืออินเตอร์เน็ตที่มีความเร็วสูง เมื่อต้องทำงานกับรุ่นที่มีความเร็วต่ำกว่าที่เคยใช้ เราจะรู้สึกหงุดหงิดทันที  ลูกของเราก็เช่นกันเมื่อเคยชินกับความเร็ว ก็ไม่ค่อยจะอดทนที่นั่งทำกิจกรรมที่ต้องใช้เวลา เช่น การอ่านหนังสือ  การทำงานที่ต้องใช้ความประนีต  ไม่ค่อยจะอดทนรอ  ไม่ค่อยมีสมาธิจดจ่อกับการเรียน   
นอกจากนี้เด็กที่ติดทีวี มักจะทำให้มีผลต่อสิ่งที่คุณครูมอบหมายให้กลับมาทำที่บ้าน  เช่น การทบทวนหรือค้นคว้า เรื่องที่เรียน  หรือการทำการบ้าน  เมื่อคุณแม่เตือนให้ทำก็จะผลัดไปเรื่อยๆ  จนเริ่มค่ำก็ยังไม่ได้ทำการบ้าน  เกิดศึกระหว่างแม่กับลูก  เด็กที่ติดทีวีก็จะนอนดึกและเมื่อถูกปลุกไปโรงเรียนตอนเช้าก็จะเริ่มวันด้วยความหงุดหงิด  งัวเงียไม่ยอมรับประทานอาหารเช้า  พอมาโรงเรียนเรียนไปไม่นานก็จะทั้งหิว ทั้งง่วง ปนหงุดหงิด ไม่เป็นผลดีต่อการเรียนรู้ของลูกอย่างมาก

อาการของลูกที่ส่อแววว่าทีวีจะมีภัย  
หากลูกของเรานั่งอยู่หน้าจอตอนเย็นนานกว่าการทำกิจกรรมอื่นๆ รวมกัน  ลูกดูทีวีดึกทำให้นอนไม่พอมีอาการหงุดหงิดตอนตื่นนอนเช้า  ลูกขาดความกระตือรือร้น  อ้วนและไม่ชอบออกกำลังกาย  ครอบครองทีวีเป็นของส่วนตนไม่ใช่ของส่วนรวม  ไม่มีสมาธิในการเรียน อย่างนี้ต้องเริ่มจัดการกับการดูทีวีของลูกโดยด่วนแต่อย่างค่อยเป็นค่อยไป

ทำอย่างไรให้ทีวีไม่มีภัยแต่ให้คุณค่า
            เลือกรายการที่ดี  และอยู่ดูกับลูก  รายการทีวีบางรายการให้ความรู้สู่โลกกว้างกับลูก  บางรายการก็นำความบันเทิงใจมาสู่ลูก  ชวนลูกวิเคราะห์ดูว่าเรื่องที่ดีนั้นให้ข้อคิดอะไรกับลูกบ้าง  อะไรที่ควรทำตามอย่าง อะไรที่ไม่ควรทำ  ให้รายการทีวีเป็นเรื่องที่นำมาให้ลูกได้เกิดการเรียนรู้ การปล่อยให้ลูกอยู่กับทีวีลำพังกับบางรายการ  ย่อมเป็นผลเสียเพราะลูกยังแยกแยะไม่ออกว่าอะไรควรอะไรไม่ควร ยังต้องการการชี้แนะจากผู้ใหญ่
กำหนดเวลาในการดูทีวี  กำหนดเวลาในการดูทีวีให้แน่นอน พยายามลดเวลาในการดูทีวี ด้วยการชวนลูกทำกิจกรรมอื่นแทน เช่นการเล่นของเล่น  การเล่นออกกำลังกาย การช่วยงานคุณพ่อคุณแม่  
ดูทีวีให้ถูกที่ ถูกเวลา ไม่ควรให้ลูกทำการบ้าน ค้นคว้าหรือทบทวนเรื่องเรียน  หน้าจอทีวี  ไม่อย่างนั้นทำไม่เสร็จซักที  จะพบว่าในรายที่คุณแม่ให้ลูกทำการบ้านให้เสร็จก่อนแล้วค่อยเปิดทีวี จะประสบความสำเร็จดีกว่าให้ดูทีวีก่อนทำการบ้าน  เพราะเหมือนกับว่าเมื่อลูกรับผิดชอบหน้าที่เรียบร้อย ก็จะได้ดูทีวีเป็นการให้รางวัล   ควรจัดที่ทำการบ้านอ่านหนังสือที่ปราศจากทีวีรบกวนสมาธิ  ไม่ควรให้ลูกดูทีวีไปทำการบ้านไป หรือดูทีวีไปรับประทานอาหารไป  เพราะจะใช้เวลานานมากกว่าจะเสร็จ   คุณแม่บางคนสร้างปัญหาให้กับตัวเองด้วยการเปิดทีวี เปิดวิดีโอให้ลูกดูการ์ตูนตอนเช้าก่อนไปโรงเรียน   คราวนี้ก็ต้องออกรบกันทุกวันที่จะให้ลูกยอมปิดทีวีแล้วไปโรงเรียน 

เอสโอเอส ทำอย่างไรลูกติดทีวีไปแล้ว
               ก่อนอื่นเลยต้องถามตัวเองก่อนว่าคุณพ่อคุณแม่มีความตั้งใจจริงหรือไม่ที่จะปรับพฤติกรรมการดูทีวีของลูก  เพราะระยะเวลาของการปรับความเคยชินนั้น  คุณพ่อคุณแม่ต้องกำกับดูแลด้วยความเอาใจใส่   ให้กำลังใจและชื่นชมลูกทันทีที่ลูกมีพฤติกรรมเป็นไปตามความคาดหวัง  และต้องแสดงท่าทีชัดเจนเพื่อยืนยันให้ลูกเห็นว่าคุณพ่อคุณแม่มีความตั้งใจให้ลูกเกิดการเปลี่ยนแปลง  และต้องติดตามอย่างต่อเนื่องจนกว่าลูกจะเปลี่ยนจากกิจวัตรเดิมที่อยู่หน้าจอที่ดีให้ได้ ถ้ามั่นใจว่ามีความตั้งใจจริง  ลูกก็จะเปลี่ยนพฤติกรรมได้
·      ให้ลูกมีส่วนร่วมกำหนดเวลาของการดูทีวี  พูดคุยกับลูกถึงผลของการติดทีวีที่ให้ผลเสียกับลูก  แล้วช่วยกันสร้างข้อตกลงว่าจะค่อยๆ ลดเวลาการดูทีวีอย่างไร  เอาทีละขั้นให้ลูกพอจะทำได้  มีความเป็นไปได้  แล้วประสบความสำเร็จไปทีละขั้นตอน  อย่าลืมชื่นชมเมื่อลูกทำได้  จะได้เป็นกำลังใจให้ทำดีต่อไปอย่างต่อเนื่อง
·      ตกลงให้ลูกรู้ว่าทีวีนั้นเป็นของส่วนกลาง  ไม่ใช่ของที่ลูกจะจับจองอยู่คนเดียวเพราะฉะนั้น บางเวลาก็เป็นรายการโปรดของคุณพ่อ  บางรายการก็เป็นรายการโปรดของคุณแม่ 
·      ควรพูดคุยกับลูกเพื่อที่นำทีวีออกไปจากห้องนอนของลูก ให้มาอยู่ที่ส่วนกลางของบ้าน  หรือหาวิธีที่จะเอาทีวีไปซ่อม   แล้วไม่ควรเอากลับเข้าห้องนอนลูกอีก
·      ผู้ใหญ่ทุกคนในบ้านควรเห็นพ้องต้องกันและปฏิบัติกับลูกไปในทิศทางเดียวกัน   
                             
ขอเป็นกำลังใจให้คุณพ่อคุณแม่ประสบความสำเร็จในการปรับพฤติกรรมของลูกในเรื่องการดูทีวี  และหากจัดการเรื่องทีวีได้  การฝึกวันัยเรื่องอื่นใดก็ไม่ใช่เรื่องยาก 


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น